รักตัวเอง กับ เห็นแก่ตัว ต่างกันอย่างไร..
ถ้าคุณรู้สึกว่า คำว่า รักตัวเอง มันกว้างเหลือเกิน แถมยังทำให้เราเผลอทำอะไรที่เห็นแก่ตัวอีกต่างหาก .. เพราะคำว่ารักตัวเอง แต่ละคนก็แปลความหมายของมันออกมาไม่เหมือนกัน บางคนรักคนอื่นมากกว่าตัวเอง เพราะเค้าก็ถือว่านั่นคือการทำตามหัวใจตัวเอง ก็คือรักตัวเองเหมือนกัน, บางคนรักตัวเองมากกว่าคนอื่น เค้าก็บอกว่าก็เลือกที่จะรักตัวเองมากกว่า มันก็สิทธิ์ของเค้าเหมือนกันแล่ะ. คราวนี้ลองมาดูความคิดเห็นของผมเกี่ยวกับคำว่า รักตัวเอง ยังไงให้มีประโยชน์ต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและจิตวิญญาณของคุณที่กำลังเข้าสู่มิติที่ห้ากันครับ..
รักตัวเองให้ได้ประโยชน์ ไม่ต้องไปดูว่า คุณรักตัวเองมากกว่าคนอื่น หรือคุณรักคนอื่นมากกว่าตัวเองครับ แต่ให้ดูว่า คุณรู้สึกถึงพลังงานความรักของตัวคุณเองหรือยัง (ความรักนะครับ ไม่ใช่ความหลง และไม่ใช่ความใคร่) ผมคงไม่บังอาจบอกว่าความรักคืออะไรนะครับ เพราะทุกคนก็รู้สึกกับมันต่างกันไป แต่อยากให้ลองสังเกตกับอะไรที่เป็นธรรมชาติดูครับ เพราะถ้าเราสังเกตความรู้สึกของความรักกับแฟนเรา หรือคนรักของเรา หรือลูกเรา หรือพ่อแม่เรา บางทีมันก็มีความรู้สึกอื่นปนๆกันอยู่กับความรักของเราน่ะครับ เช่น ความกตัญญูต่อพ่อแม่ของเรา ความหวงลูกของเรา ความหลงในแฟนของเรา คือมันจะเป็นความรู้สึกที่คละกันระหว่างความรักของเราและหน้าที่ของเราน่ะครับ
อะ ทีนี้ลองสังเกต ความรักของคุณ ที่มีต่อธรรมชาติบ้างนะครับ เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ แต่คุณเลือกที่จะทำมันเองใช่ไหมล่ะครับ เช่น ตอนที่คุณให้อาหารสัตว์ เช่น หมา แมว ปลา นก ... คุณรู้สึกถึงความรักของคุณเองไหม แม้มันจะเป็นความรู้สึกที่แผ่วบางของคุณ แต่มันก็ทำให้คุณได้สังเกตเห็นความแตกต่าง ระหว่างความรักของคุณที่ไม่มีหน้าที่มาบังคับให้คุณต้องทำหรือถ้าไม่ทำแล้วจะต้องรู้สึกผิดอะไรอย่างนั้นน่ะครับ.. และมันก็เป็นความรู้สึกที่คุณให้ไปด้านเดียวเพียวๆโดยไม่หวังผลตอบแทนอีกด้วย เพราะสัตว์มันตอบแทนอะไรเราไม่ได้ จริงไหมล่ะครับ? (บางคนบอกจริงๆมันก็ตอบแทนด้วยการอยู่เป็นเพื่อนแก้เหงาให้เราไงล่ะ แถมถ้าเป็นเป็นหมาก็เฝ้าบ้านให้อีกต่างหาก..) อะ ทีนี้ลอง สังเกตตอนที่คุณลดน้ำต้นไหม ในสวน หรือในกระถางเล็กๆก็ได้ แล้วรู้สึกถึงพลังงานความรักของคุณเองไหม มันอาจจะเหมือนทำตามหน้าที่ เพราะเดี๋ยวต้นไม้ตาย แต่อย่างน้อยมันก็เป็นการสื่อสารระหว่างคุณกับธรรมชาตินะครับ เป็นช่วงเวลาที่คุณรู้สึกที่ตัวคุณเพียวๆ ไม่ใช่หน้าที่ทางสังคม.
พลังงานของความรัก ถ้าให้ผมบอกตามความรู้สึกที่ผมเข้าใจนะ มันก็อยู่ตรงกลางระหว่าง ความสุขและความเสียสละ มันไม่ได้ถึงขนาดว่าจะต้องรู้สึกผิดถ้าไม่ได้ทำ และก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกถึงขนาดว่า ต้องทำให้ได้ ไม่งั้นตายแน่.. พลังงานความรักของคุณ ที่อยู่ในตัวคุณ มันก็คือเข็มทิศของคุณด้วย ที่มันจะรู้ได้ว่าจะช่วยให้คุณออกจากการดิ้นรนเอาชีวิตรอดในมิติที่ต่ำกว่าอย่างตอนนี้ เพื่อกลับไปสู่บ้านของคุณในมิติที่สูงกว่าได้อย่างไร, ไม่ใช่การฆ่าตัวตายด้วย เพราะการฆ่าตัวตายไม่ได้ช่วยให้คุณปลดระวางหนี้กรรมเก่าต่างๆทิ้งไปได้ มันยังคงติดตัวคุณไป แถมยังได้หนี้กรรมใหม่ที่คุณทำร้ายตัวเองอีกด้วย.
พลังงานความรักของคุณ คือ สัญชาติญาณที่คุณจะรู้ได้ว่าอะไรดีที่สุด ณ ขณะนั้น ที่คุณจะทำได้ เพื่อเป็นประโยชต์ต่อการปลดปล่อยตัวคุณเองและแม้กระทั่งคนที่อยู่ล้อมรอบตัวคุณออกจากพันธะทั้งหลาย, มันคือแรงสั่นสะเทือนที่อยู่ตรงกลางที่มีอิสรภาพ ระหว่างความปิติยินดีเมื่อเห็นตัวเอง หรือผู้อื่นมีความสุข และบางครั้งคุณก็เลือกที่จะเสียสละเพื่อปลดเปลื้องความตระหนี่ขี้เหนียวหรือยึดติดในอะไรก็ตามที่คุณมีทิ้งไปได้ด้วย. เพราะสุดท้ายแล้ว เมื่อถึงวันที่ระบบการเงินของโลกเปลี่ยน ทุกคนจะไม่ต้องต่อสู่เพื่อแย่งชิงให้ได้อยู่รอดกันขนาดนี้ เพราะมนุษยชาติไม่ได้มาเกิดที่โลกเพียงเพื่อหาเงินและใช้เงินหาความสุขและตายแล้วเกิดอีกอยู่แค่นี้ ไม่ใช่เลย มนุษยชาติมาเกิดที่โลกนี้เพื่อมีหน้าที่ที่จะมีความสุข เพื่อที่แรงสั่นสะเทือนของความรักในตัวคุณทุกคน มันจะสามารถช่วยโลกใบนี้ให้ได้เลื่อนระดับเข้าสู่มิติที่สูงกว่า. แต่ในเมื่อมนุษย์ก็ยั้งติดอยู่ในการดิ้นรนว่าวันนี้จะกินอะไร พรุ่งนี้จะมีอะไรกิน เจ็บป่วยจะแก้ยังไง ต้องหาเงินจ่ายค่าต่างๆจิปาถะ มีแต่เรื่องต้องคอยระวังต่างๆนาๆ.. ความเครียดทั้งหลายนี้แล่ะครับ ที่ทำให้เราไม่สามารถดำรงอารมณ์ความรู้สึกของเราให้อยู่ในสภาพวะของพลังงานความรักของเราไปตลอดเวลา เพราะต้องคอยคิดแก้ไขปัญหาต่างๆในชีวิตทุกวัน.
เมื่อถึงวันที่วิวัฒนาการบนโลกทั้งด้านเทคโนโลยีและระบบการเงินเปลี่ยนไปในทางที่ทุกคนสบายขึ้นนะครับ, อีกไม่นานหรอกครับ แล้วโลกใบนี้จะเปลี่ยนแปลงกลายเป็นยุคทอง ยุคแสงสว่าง เพราะมนุษย์มาที่โลกก็เพื่อช่วยโลก แต่ทุกคนลืมมันไปเอง เพราะอยู่ในแรงสั่นสะเทือนต่ำในมิติที่สามนี้นานเกินไป. แต่ตอนนี้ ได้เวลาที่คุณจะรื้อฟื้นความรู้สึกที่อยู่ข้างในตัวคุณ ด้วยสัญชาติญาณของคุณ มันจะบอกคุณได้ ว่าอะไรถูก อันไหนใช่, เมื่อเวลาที่คุณเชื่อมโยงกับมิติที่สูงกว่าได้ ผ่านทางความรู้สึกของพลังงานความรักของคุณ คุณจะรู้ ว่าคุณกำลังได้ทำหน้าที่ของคุณ นั่นก็คือการพาโลกเข้าสู่มิติที่สูงกว่าตรงนั้น ในแรงสั่นสะเทือนที่สูงกว่า ที่คุณเชื่อมมันได้แล้ว และคุณอยู่ที่โลก เหมือนคุณมีตะขอ คอยเกี่ยวโลกเข้าสู่มิติที่ห้าหรือสูงกว่านั้น. จิตวิญญาณของโลกหรือไกอา เธอคือมิติที่ห้าอยู่แล้วนะครับ เรามาที่นี่เพื่อเชื่อมโยงกับมิติที่สูงกว่า และพาร่างกายของไกอา หรือหมายถึง โลกทางกายภาพ ที่เราเห็นด้วยตาเปล่านี้ เปลี่ยนแปลงกลายเป็นมิติที่ห้า หก เจ็ด ซึ่งจะสอดคล้องกับจิตวิญญาณของไกอาจริงๆ. เมื่อคุณเชื่อมโยงตัวตนที่สูงกว่าของคุณได้แล้ว มันจะเหมือนเข็มทิศที่คอยช่วยบอกตัวคุณเองและแม้กระทั่งคนที่อยู่รอบตัวคุณ ที่เขาสามารถสัมผัสถึงพลังงานความรักของคุณได้ เท่ากับคุณก็ได้ช่วยให้เขาเหล่านั้นค่อยๆตื่นขึ้นสู่พลังงานความรักของพวกเขาเช่นกัน และโลกใบนี้ก็จะเปลี่ยน เป็นโลกยุคทองสำหรับทุกๆคนบนโลก ให้ได้อยู่เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการที่โลกจะปรับมิติของโลกเข้าสู่มิติที่ห้า ที่ทุกคนก็จะได้เป็นสักขีพยานในภารกิจที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ไปพร้อมๆกันกับสหพันธ์กาแล็กติก ที่มาช่วยเหลือโลกในการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่มิติที่ห้านี้ด้วย.
No comments:
Post a Comment